“ประธานนปช. เตือนกลุ่มนิสิต-นศ. อย่าก้าวล่วงสถาบัน หวั่นนำพาไปสู่การสูญเสีย แนะ”นายกฯต้องรับฟังความเห็น
เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 23 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานนปช. กล่าวถึงการชุมนุมของนิสิตนักศึกษา ว่า การออกมาชุมนุมครั้งนี้ มีนิสิตนักศึกษาออกมาชุมนุมมากกว่าเหตุการณ์ ตุลา 16 และพฤษาทมิฬ 35 เพราะทั้งสองเหตุการณ์มีประชาชนออกมาสมทบจำนวน ทั้งนี้ การชุมนุมต้องยึดข้อเรียกร้อง 3 ข้ออย่างเคร่งครัด ประกอบด้วย ห้ามคุกคามบุคคล ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และให้มีการยุบรัฐสภา เชื่อว่าจะได้รับการยอมรับจากประชาชน เพราะเป็นเรื่องที่รับฟังได้ แต่ตนห่วงใยว่าต้องไม่ก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะจะทำให้จุดแข็งกลายเป็นจุดอ่อน ที่สำคัญจะนำพาไปสู่การสูญเสียจำนวนมาก ช่วงการชุมนุมของนปช.ปี 53 ก็ถูกกล่าวหาว่าล้มล้างสถาบัน ก่อการร้าย และเผาบ้านเผาเมือง
ส่วนเหตุการณ์ 6 ตุลา ภาพก็อธิบายชัดเจนว่าเดินอย่างไรได้ผลลัพธ์อย่างไร ยุคสมัยใดก็เป็นยุคสมัยนั้น ที่เตือนไม่ได้ให้หวาดกลัว เพราะเชื่อว่านักศึกษาก็ไม่ได้กลัว แต่ห่วงว่าการต่อสู้อย่างไรจะได้ผลลัพธ์เช่นนั้น ถ้ายึดมั่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ไม่ล่วงละเมิดสถาบัน จะได้แนวร่วมจากประชาชนจำนวนมาก แต่ถ้าก้าวล่วงสถาบันจุดจบจะไม่ต่างกัน ต้องตั้งสติและยึดมั่นว่าประเทศไทยต้องปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเท่านั้น
“ใครก็ตามที่ยุยงสนับสนุนให้ทำนอกเหนือไปจากข้อเรียกร้อง 3 ข้อ เพราะเขารู้แล้วว่าปลายทางจะเกิดความรุนแรง ความชอบธรรมทั้งหมดจะหายไป แต่ถ้ายึดหลัก3ข้อจะเป็นจุดแข็งที่สุดในการเคลื่อนไหวของนักศึกษา” ประธานนปช. กล่าว
นายจตุพร กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ควรเป็นผู้ที่ลงมารับฟังความคิดเห็นจากนักศึกษามากที่สุด เพราะข้อเรียกร้อง 2 ข้อ ได้แก่ การแก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภา เกี่ยวข้องกับนายกฯโดยตรง ส่วนข้อเรียกร้องเรื่องห้ามคุกคามบุคคลเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นอยู่แล้ว เรื่องนี้จะจบลงอย่างสง่างาม ด้วยการเปิดเวทีให้นักศึกษาได้เสนอเงื่อนไขทั้ง 3 คน และนายกฯประกาศระยะเวลาที่ชัดเจนในการแก้รัฐธรรมนูญเสร็จจะประกาศยุบสภา สิ่งนี้จะเป็นทางออก
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่
"การสูญเสีย" - Google News
July 23, 2020 at 10:52AM
https://ift.tt/2Cwmlml
"ประธานนปช." เตือนกลุ่มนิสิต-นศ. อย่าก้าวล่วงสถาบัน หวั่นนำสู่การสูญเสีย - มติชน
"การสูญเสีย" - Google News
https://ift.tt/2TYnNTT
No comments:
Post a Comment